วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความหมาย การละเล่น


ความหมายการละเล่น คำว่า “การละเล่น” หมายถึง การกระทำหรือกิจกรรมใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจ ซึ่งมักมีกติกาการเล่นหรือการแข่งขันง่าย ๆ ไม่สลับซับซ้อนมากนัก จุดประสงค์ส่วนใหญ่ มุ่งเพื่อให้เกิดความสนุกสนาน เพื่อออกกำลังกาย และก่อให้เกิดความสามัคคีทั้งระหว่างผู้เล่นและผู้ชม กติกาอาจกำหนดขึ้นไว้ก่อนและเคยปฏิบัติมาแล้วหรือ ตกลงกันตั้งขึ้นขณะจะเริ่มเล่นก็ได้ คือ ไม่ค่อยพิถีพิถันในเรื่องกติการมากนัก สรุปการละเล่นพื้นบ้านจึงหมายถึง กิจกรรมที่ประชาชนร่วมกันทำขึ้นเพื่อให้สนุกสนานและอื่น ๆ ในแต่ละท้องถิ่นหรือตำบลหมู่บ้าน บางอย่างอาจเหมือนกันกับท้องถิ่นอื่น และบางอย่างอาจแตกต่างกันไปบ้างตามความนิยมของท้องถิ่นนั้น ๆ การละเล่นต่างกับกีฬา การละเล่นแตกต่างจากกีฬาตรงที่การละเล่น จัดทำเพื่อมุ่งความสนุกสนานเป็นใหญ่ ไม่มุ่งที่จะเอาชนะกันอย่างจริงจัง ทั้งผู้เล่นก็ไม่จำเป็นต้องได้ฝึกซ้อมเตรียมตัวมาก่อนแต่อย่างใด คือ จะเล่นเมื่อไรก็อาจเข้าร่วมกิจกรรมเลยก็ได้ ส่วนกีฬา หมายถึง การละเล่นที่ต้องใช้กำลังพอสมควร การแข่งก็มีกติกาวางไว้แน่นอน และเป็นการกระทำที่ สลับซับซ้อน มีกลวิธีการเล่นและผู้เล่นซึ่งเรียกว่า นักกีฬา ก็ต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อนพอสมควร ทั้งมีเทคนิคหรือกลวิธีการเล่นต่าง ๆ มากมาย เพื่อหวังให้ได้ชัยชนะ และการเล่นกีฬา ไม่ว่าจะไปเล่นที่ไหน ก็ต้องเล่นแบบนั้น เหมือนกัน เพราะมีกติกากำหนดไว้เป็นการแน่นอนตายตัวอยู่แล้ว การละเล่นพื้นบ้านจึงแตกต่างไปจากกีฬา ตรงที่เป็นการเล่นแบบง่าย ๆ เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน มากกว่าหวังแพ้ชนะเช่นการเล่นกีฬา แต่การละเล่นบางอย่างก็อาจอนุโลมเข้าเป็น นักกีฬา โดยยากที่แยกจากกันอย่างเด็ดขาดคืออาจเป็นกึ่งกีฬากึ่งการละเล่น แต่คนโบราณ ภาคอีสาน นิยมเรียกการละเล่นว่า การเล่นกันทั้งนั้น ไม่นิยมเรียกว่า กีฬาแม้จะมีการแข่งขันกันเหมือนกับการเล่นกีฬาก็ตาม ความสำคัญของการละเล่น ได้กล่าวแล้วข้างต้นว่า ธรรมชาติของมนุษย์เกิดมาย่อมมีการเคลื่อนไหว จะอยู่นิ่งไม่ได้ ยิ่งเป็นเด็กแล้วจะต้องมีการเคลื่อนไหวบ่อย ๆ ทั้งนี้ เพื่อบริหาร ร่างกายให้มีการเจริญเติบโต การเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายนับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งของมนุษย์ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ตลอดถึงผู้สูงอายุและมนุษย์มีนิสัยชอบสังคม คือ ชอบอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม จึงต้องมีการคบหาสมาคมกัน และมีการระบายออกทางจิตใจ เพื่อให้มีความสบายทั้งกายและใจด้วย การละเล่นจึงเป็นการแสดงออกของการเชื่อมความสามัคคีของคน ทำให้คนคบหากันได้อย่างสนิทสนมจึงนับเป็นนันทนาการอย่างหนึ่ง นอกจากนี้การละเล่นเมื่อมีการจัดเป็นระบบหรือแบบแผน มีกติกาให้คนในกลุ่มปฏิบัติ ย่อมเป็นการแสดงถึงความเจริญงอกงามของคนในกลุ่มนั้น และเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งด้วย อันแสดงถึงความเป็นผู้มีวัฒนธรรมของคนกุ่มนั้นด้วย การละเล่นจึงเป็นเครื่องช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนา ทั้งกายและจิตใจของคน ทำให้คนได้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และความสามัคคีกลมเกลียวก้าวหน้านับเป็นวัฒนธรรมได้อย่างหนึ่ง ดังนั้นหากได้มีการฟื้นฟู แก้ไขเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมการละเล่นของคนในกลุ่ม ในแต่ละหมู่บ้านให้คงมีอยู่ ผลที่ตามมาก็คือ นอกจากประชาชนได้ออกกำลังกายและทำให้จิตใจสบายแล้ว ยังทำให้คนในกลุ่มอยู่ด้วยกันด้วยความรักใคร่กลมเกลียวกัน และมีความสุขด้วย การละเล่นพื้นบ้านจึงนับมีความสำคัญ ซึ้งเราควรจะได้มีการอนุรักษ์ให้คงมีอยู่ และหาทางส่งเสริมหรือพัฒนาให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

วิ่งเปรี้ยว

จำนวนผู้เล่น

ตั้งแต่ คนขึ้นไป

วิธีเล่น

แบ่งผู้เล่นเป็นสองฝ่ายเท่าๆกัน สถานที่เล่นมักจะใช้ลานกว้าง และมีต้นไม้สองต้นเป็นหลักแข่งกัน ซึ่งแต่ละฝ่ายจะต้องจัดแถวประจำที่หลักของตนเอง เมื่อเริ่มเล่นคนที่อยู่หัวแถวต้องวิ่งไปอ้อมหลักของฝ่ายตรงข้าม จากนั้นวกกลับมาส่งผ้าให้ผู้เล่นถัดไปที่หลักของตน เป็นคนวิ่งต่อไป ผู้เล่นของแต่ละฝ่ายต้องพยายามวิ่งกวดและใช้ผ้าไล่ตีฝ่ายตรงข้ามให้ทัน หากฝ่ายใดไล่ตีได้ทันถือว่าเป็นผู้ชนะ

อุปกรณ์

1. ต้นไม้ ต้น หรือหลัก หลัก
2. ผ้า

ตะล็อกต๊อกแต๊ก

 

 

จำนวนผู้เล่น

 8 คน

วิธีเล่น

แบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นใครก็ได้จำนวนหนึ่งคนเป็นผี ที่เหลือให้เป็นชาวบ้าน แล้วผีก็เดินมาหาชาวบ้าน
ชาวบ้าน :
ตะล็อกต๊อกแต๊กมาทำไม
ผี :
มาซื้อดอกไม้
ชาวบ้าน :
ดอกอะไร
ผี :
ดอกจำปี
ชาวบ้าน :
ยังไม่มี
ผี :
ดอกจำปา
ชาวบ้าน :
ยังไม่มา
ผี :
ดอกกุหลาบ
ชาวบ้าน :
ยังไม่ทราบ
ผี :
ดอกมะลิ
ชาวบ้าน :
ยังไม่ผลิ
ผี :
ดอกเจ้าชู้
ชาวบ้าน :
ยังไม่รู้
ผี :
ไปดูหนังไหม
ชาวบ้าน :
เรื่องอะไร
ผี :
เรื่องผีดิบ
ชาวบ้าน :
ไม่มีสตางค์
ผี :
จะออกให้
ชาวบ้าน :
ไม่เสื้อผ้าจะใส่
ผี :
จะหาให้
ชาวบ้าน :
ไปก็ไป


แล้วผู้เล่นทั้งหมดก็เดินตามกันไปประมาณ 1 รอบ แล้วผู้เล่นคนหนึ่งทำเป็นเสียงหมาหอนขึ้น
ชาวบ้าน :
หมาทำไมถึงหอน
ผี :
มันเห็นผี
ชาวบ้าน :
ผมเธอทำไมถึงยาว
ผี :
ฉันปล่อยไว้
ชาวบ้าน :
เล็บเธอทำไมถึงยาว
ผี :
ฉันปล่อยไว้
ชาวบ้าน :
หน้าเธอทำไมถึงขาว
ผี :
ฉัดผัดหน้า
ชาวบ้าน :
ตาเธอทำไมถึงโบ๋
ผี :
ฉันเป็นผี
ชาวบ้านก็วิ่งหนีให้เร็วที่สุด ผีก็จะไล่จับ ถ้าจับใครได้คนนั้นจะต้องมาเป็นผีแทน

อุปกรณ์
ไม่มี

ตบแผละ

จำนวนผู้เล่น

ไม่จำกัดจำนวน

วิธีเล่น

เป็นการละเล่นที่มีการใช้จังหวะการเล่นเพื่อเพิ่มความสนุกสนาน เด็กๆ มักเรียกว่า "ตบแผละ" การละเล่นชนิดนี้ไม่มีผลแพ้ชนะเหมือนการละเล่นอย่างอื่น แต่ความสนุกสนานอยู่ที่บทร้องและจังหวะ โดยการพนมมือแล้วยื่นไปข้างหน้า หันฝ่ามือประกบกัน แต่ละคำร้องผู้เล่นก็ต้องปฏิบัติตามบทร้องนั้น เช่นตบบนก็ต้องตบมือข้างบน หรือตบหลังก็ใช้หลังมือตบกัน เป็นต้น

อุปกรณ์

ไม่มี

เพลงประกอบ

ตบแผละ... ตบแผละ... ตบบน... ตบล่าง... ตบหน้า... ตบหลัง...

กาฟักไข่



จำนวนผู้เล่น

ไม่จำกัดจำนวน

วิธีเล่น

ใช้ผลไม้หรืออะไรก็ได้ สมมุติว่าเป็นไข่ และเขียนวงกลมลงบนพื้น เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ฟุต วง และอีกวงหนึ่งอยู่ในวงแรก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ฟุต วางทั้งหมดไว้ในวงกลมเล็ก ให้คนใดคนหนึ่งเป็นกา ยืนในวงกลมวงใหญ่ หรือนั่งคร่อมวงกลมเล็ก นอกนั้นทุกคนยืนรอบนอกวงกลมวงใหญ่ คอยแย่งไข่ คนเป็นกามีหน้าที่ป้องกันไข่ โดยมีกติกาการเล่น ดังนี้
1.     ผู้มีหน้าที่หยิบไข่ เข้าไปในวงกลมไม่ได้
2.     ผู้มีหน้าที่หยิบไข่ ต้องระวังมิให้อีกาตีถูกมือ หรือแขนของตน ซึ่งล่วงล้ำเข้าไปในวงกลมได้
3.     ถ้าแย่งไข่ไปจากอีกาได้หมดแล้ว ให้ปิดตากาแล้วเอาไข่ไปซ่อนให้อีกาตามหาไข่ ถ้าพบไข่ที่ผู้เล่นคนใดเป็นคนซ่อน ผู้นั้นต้องเปลี่ยนมาเป็นกาแทน

อุปกรณ์

ก้อนหินหรือผลไม้เท่าจำนวนคนเล่น ยกเว้นคนที่เป็นกา คน

กระต่ายขาเดียว



จำนวนผู้เล่น

ไม่จำกัดจำนวน

วิธีเล่น

ขีดเส้นแบ่งเขตบนพื้น และมีเขตจำกัดเส้นออกไว้ด้วย แบ่งผู้เล่นออกเป็น ฝ่ายเท่าๆ กัน ตกลงกันว่าใครจะเป็นกระต่ายก่อน กลุ่มที่เป็นกระต่ายจะคิดคำขึ้นหนึ่งคำ ให้มีพยางค์เท่ากับจำนวนคนในหมู่และจำต้องกำหนดพยางค์ให้แต่ละคนด้วย เมื่อคิดคำได้แล้วหมู่ที่เป็นฝ่ายเล่นทั้งหมดก็จะเป็นผู้เลือกว่า จะเอาพยางค์ใด ฝ่ายกระต่ายคนที่มีพยางค์ตรงกับที่โดนเลือกก็จะวิ่งกระโดดขาเดียวให้เร็วที่สุด และไล่จับแตะคนในฝ่ายเล่น ถ้าคนใดโดนจับหรือถูกตัวกระต่ายก็ต้องออกจากการเล่น แต่ถ้ากระต่ายเปลี่ยนขาหรือขาแตะพื้นจะต้องเปลี่ยนเป็นกระต่ายตัวใหม่ที่ฝ่ายเล่นจะเลือก เมื่อฝ่ายเล่นถูกไล่ตีจนหมดแล้วก็ถือว่าแพ้ ต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายบ้าง

ตัวอย่างการเล่น

ฝ่ายกระต่ายมีสมาชิก คน ก็คิดคำ พยางค์ เช่น ทุเรียนหมอนทอง คนแรกเป็น ทุคนที่เป็นเรียน” คนที่เป็นหมอน” คนที่เป็นทอง” เมื่อฝ่ายเล่นเรียกทอง” คนที่เป็นทองต้องกระโดดขาเดียวไล่จับคนฝ่ายเล่น ถ้าเท้าตกถึงพื้นฝ่ายเล่นจะเลือกคนใหม่อีก จนกว่าจะหมด ถ้าฝ่ายกระต่ายแตะได้ก่อน หรือฝ่ายเล่นวิ่งออกนอกเส้นแบ่งเขต จะหมดสิทธิ์เป็นฝ่ายเล่นต้องมาเป็นฝ่ายกระต่ายแทน

การละเล่น มอญซ่อนผ้า

การละเล่น "มอญซ่อนผ้า"

     การละเล่น มอญซ่อนผ้า

การเล่นมอญซ่อนผ้า เป็นการเล่นที่ง่าย ไม่มีกฎกติกามากมายนัก เป็นการละเล่นของทั้งผู้หญิงและชาย


     วัตถุประสงค์ในการเล่น

               - เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเพื่อนต่างเพศ
               - เพื่อเป็นการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ดีอย่างหนึ่ง
               - เพื่อฝึกให้ผู้เล่นเป็นคนที่มีไหวพริบและรู้จักสังเกตุเหตุการณ์ต่างๆ


     อุปกรณ์ที่ใช้ในการเล่น    

ผ้าเช็ดหน้าขนาดใหญ่หนึ่งผืน ไม่ต้องขมวดหรือพันให้เป็นเกลียว เพราะถ้าฟาดถูกผู้เล่นคนใดเข้าแล้วจะเจ็บ


     ผู้เล่น

ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น แต่นิยมให้มีผู้เล่นมากกว่า 8 คน เป็นชายและหญิงคละกันก็ได้